อาการก่อนเป็นประจำเดือน (Premenstrual Syndrome,PMS) เป็นอาการที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ไข่ตกจนถึงก่อนมีประจำเดือน คือประมาณวันที่ 15-28 ของรอบเดือน หรือ 1-2 สัปดาห์ก่อนเป็นประจำเดือนและอาการจะหายไปเมื่อประจำเดือนหมด
อาการก่อนเป็นประจำเดือน (Premenstrual Syndrome,PMS) มีอาการยังไง
1.อาการทางกาย เช่น เจ็บคัดเต้านม ท้องอืด ปวดศีรษะ บวมบริเวณปลายเท้า ปวดท้องน้อย
2.อาการทางอารมณ์ เช่น ภาวะซึมเศร้า มีอาการหงุดหงิด ระงับโกรธไม่ได้ กังวล สับสน
3.อาการผิดปกติทางสังคมและการใช้ชีวิต เช่น มีปัญหากับผู้อื่น ขาดงาน ขาดเรียน แยกตัวจากสังคม อยากฆ่าตัวตาย
แต่หากอาการก่อนเป็นประจำเดือนรุนแรงจะต้องไปพบแพทย์ เรามาดูกันต่อค่ะว่าอาการก่อนเป็นประจำเดือนรุนแรงมีอะไรบ้าง
ถ้าอาการก่อนเป็นประจำเดือนรุนแรงเรียกว่า premenstrual dysphoric disorder (PMDD) จะมีอาการอย่างน้อย 5ข้อ และ 1ในอาการ 5ข้อนั้น อยู่ใน4 ข้อแรกดังต่อไปนี้
1.อาการซึมเศร้า หดหู่ สิ้นหวัง
2วิตกกังวลมาก เครียด
3.การเปลี่ยนแปลงของอารมณ์เฉียบพลัน เช่นโกรธ ร้องไห้ กระสับกระส่าย
4.เกิดการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์จนเกิดความขัดแย้งกับผู้อื่น
5.สนใจกิจกรรมต่างๆลดลง
6.อ่อนแรงง่าย
7.ไม่มีสามาธิ
8.กินมากขึ้น
9.นอนไม่หลับ หรือนอนมากกว่าปกติ
10.ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
11.เกิดอาการทางร่างกาย เช่น คัดเต้านม ปวดหัว บวม ปวดตามข้อ น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น
อาการจะเกิดขึ้นตลอดเวลาในช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนเป็นประจำเดือนมา และจะดีขึ้นเมื่อประจำเดือนมา และ อาการที่เกิดต้องไม่ใช่อาการกำเริบของโรคทางจิตเวชอื่นๆ
ยารักษาอาการก่อนเป็นประจำเดือน (Premenstrual Syndrome,PMS)
1.กินยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม ที่มีฮอร์โมนestrogen และ progesterone เท่ากันทุกเม็ด ซึ่งยาคุมกำเนิดสามารถลดอาการทางกาย เช่น คัดตึงเต้านม บวมน้ำ สิวขึ้น และอาการปวดท้องประจำเดือนได้
2.แคลเซียมและวิตามินดี แนะนำให้กินแคลเซียมขนาด 500มิลลิกรัมวันละ1-2 ครั้งและวิตามินดีวันละ 200-400IU ทานต่อเนื่องอย่างน้อย 2-3 เดือน
3.วิตามินบี6 แนะนำให้กินไม่เกิน 100 มิลลิกรัมต่อวัน อย่างน้อย 2-3 เดือน
คำแนะนำเพื่อช่วยให้อาการก่อนเป็นประจำเดือนดีขึ้น
1.รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่
2.งดดื่มกาแฟ โกโก้ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
3.งดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลล์ และงดสฟูบุหรี่
4.ลดการทานเกลือ ไขมัน และน้ำตาล
5.เพิ่มการกินอาหารที่มีphytoestrogen สูง เช่น ถั่วเหลือง และกินอาหารที่มี tryptophan มาก เช่นปลา
6.หากอ้วนให้ลดน้ำหนักและควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
7.นอนหลับ พักผ่อนอย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมง
8.แนะนำให้บันทึกอาการก่อนเป็นประจำเดือนอย่างน้อย 2 รอบเดือน เพื่อใช้ช่วยพิจารณาในการรักษา
หากอ่านมาถึงตรงนี้แล้วสงสัยกดลิงค์เข้ามาคุยกันได้นะคะ
FB: https://www.facebook.com/rukyaphama8/
บทความโดย ภญ.ยุพเรศ ภัทรอนันต์พงศ์