PM 2.5 มีผลต่อสุขภาพร่างกายอย่างไร?
Covid-19 ยังระบาดอยู่และฝุ่น PM 2.5 ในบางส่วนของประเทศไทยก็ยังคงมีให้เห็นอยู่ แต่เนื่องจากช่วงนี้ไม่มีอะไรที่ทำให้เราระวังตัวเท่ากับกลัวการติดเชื้อโควิด19 นั่นเอง ทำให้เราลืมไปว่าจริงๆแล้ว PM 2.5 ก็มีผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาวเช่นกัน นอกจาก PM 2.5 เข้าสู่เนื้อเยื่อถุงลมปอดและตกค้างอยู่ในปริมาณมาก ยังพบว่า PM 2.5 สามารถแพร่ผ่านเยื่อบุของเนื้อเยื่อถุงลมปอดเข้าสู่ระบบไหลเวียนโลหิตและแพร่กระจายไปยังอวัยวะส่วนอื่นๆของร่างกาย
PM 2.5 คืออะไร
PM 2.5 คือฝุ่นขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน ขนาดเล็กมากจนขนจมูกที่มีหน้าที่กรองสิ่งสกปรกไม่สามารถกรองฝุ่น PM 2.5 นี้ได้ และฝุ่นนี้ลอยในอากาศได้พาพวกโลหะหนักที่เป็นผลเสียต่อสุขภาพเข้าสู่ร่างกายเราด้วย
เรามาดูผลกระทบจากการสัมผัส PM 2.5 โดยแยกเป็นกลุ่มๆดังนี้
ฝุ่น PM 2.5 ที่ส่งผลต่อระบบหายใจ ปอด และหลอดลม
ระบบหายใจเป็นตำแหน่งแรกที่พบการสะสมตกค้างของ PM 2.5 โดยเฉพาะในเนื้อเยื่อถุงลมปอด ทำให้มีการกำเริบของโรคหืดและทางเดินหายใจอุดกั้นหรือย่อว่า COPD และการติดเชื้อในปอดและระบบหายใจ หากมีการสัมผัสฝุ่น PM 2.5 อย่างต่อเนื่องสะสมทำเสมออาจพบ bronchial remodeling ทำให้ผนังหลอดลมหนาตัวและเกิดพังผืดในปอดและหลอดลมจนอาจเป็นโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง chronic bronchitis หรือ COPD ได้
ฝุ่น PM 2.5 มีผลต่อระบบไหลเวียนโลหิต
หากมีการสัมผัสกับฝุ่น PM2.5 อย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งเสริมให้เกิดความผิดปกติในการส่งสัญญาณไฟฟ้าหัวใจ การอักเสบของกล้ามเนื้อหัวใจ และ การทนต่อ oxidative stress ได้ลดลง ทำให้แรงดันในหลอดเลือดเพิ่มขึ้น การไหลของเลือดถูกรบกวน และการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ ซึ่งนำไปสู่โรคความดันโลหิตสูงโรคหลอดเลือดแดงแข็ง (atherosclerosis) และการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือด
ฝุ่น PM2.5 มีผลต่อการป้องกันและรักษาเบาหวาน
ทำให้มีการดื้อต่ออินซูลิน ,การอักเสบของเนื้อเยื่อไขมัน ,ไมโตคอนเดรียของเซลล์ไขมันทำงานผิดปกติ และ การเพิ่มความเครียดต่อเซลล์ตับและตับอ่อน จึงทำให้การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานยากขึ้น
ฝุ่น PM2.5 มีผลต่อทารกและเด็ก
หากแม่ตั้งครรภ์สัมผัสฝุ่น PM2.5 อาจทำให้มีการคลอดก่อนกำหนด น้ำหนักทารกแรกคลอดต่ำกว่าปกติ และ การเสียชีวิตของทารกแรกคลอด ซึ่งเกิดจาก การเพิ่ม oxidative stress ในร่างกายของทารก การอักเสบของเนื่อเยื่อต่างๆ ความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือดและการทำงานของระบบเยื่อบุหลอดเลือดในร่างกายทารก และความผิดปกติของฮอร์โมนในร่างกายมารดาที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาการของทารกในครรภ์
ฝุ่น PM2.5 มีผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน การอักเสบ และการเกิดภูมิแพ้
นอกจากฝุ่น PM2.5 มีผลกระทบต่อทารกในครรภ์แล้วยังมีผลต่อเนื่องจนทารกเติบโตเป็นเด็กและวัยรุ่น ที่มีประวัติแม่สัมผัสกับฝุ่น PM2.5 ในระดับสูงกว่าที่แนะนำในขณะตั้งครรภ์ จะมีโอกาสที่เด็กจะพบโรคภูมิแพ้ต่างๆ เช่น โรคหืด โรคผิวหนังภูมิแพ้ โรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ และมีความไวต่อการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจมากขึ้น หากผู้ป่วยจมูกอักเสบภูมิแพ้และผู้ป่วยโรคหืดจึงมีอาการรุนแรงขึ้นได้แม้ว่าจะสัมผัสฝุ่น PM2.5 ในระดับต่ำแต่สัมผัสเป็นเวลานานต่อเนื่องกัน
ฝุ่น PM2.5 มีผลต่อพันธุกรรม การกลายพันธุ์ และความเป็นพิษต่อยีนส์
The international Agency for research on cancer (IARC) ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้องค์การอนามัยโลกได้จัดให้ฝุ่น PM2.5 เป็นสารก่อมะเร็งกลุ่มที่ 1 (group I carcinogen เนื่องจากพบความสัมพันธ์อย่างชัดเจนระหว่างการสัมผัสกับฝุ่น PM2.5 และอุบัติการณ์ของมะเร็งปอด