จะรู้ได้ยังไงว่าเราวัยทองรึยัง
วัยทองคืออาการที่เกิดขึ้นหลังประจำเดือนของผู้หญิงหยุดไปเป็นเวลา 12 เดือนต่อเนื่องกัน ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ในผู้หญิงวัย 40 – 50 ปีแต่โดยเฉลี่ยแล้วจะพบมากในผุ้หญิงอายุ 51 ปี
วัยทองนั้นเป็นอาการที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ อย่างไรก็ตามอาการที่ตามมาหลังจากวัยทอง เช่น ร้อนวูบวาบ หรือารมณ์แปรปรวนอาจจะรบกวนการนอนหลับ และส่งผลต่อสุขภาพจิตได้ ซึ่งวิธีการรักษาก็อาจทำได้ตั้งแต่ปรับพฤติกรรมบางอย่างหรือใช้ยาปรับฮอร์โมน ยาปรับฮอร์โมนมีทั้งยากิน แผ่นแปะ แบบฝัง แบบเจล
อาการผิดปกติที่เกิดขึ้นจากวัยทอง
ในช่วงก่อนที่จะหมดประจำเดือน คุณอาจจะพบความผิดปกติหลายเกิดขึ้นกับตัวคุณเช่น
ประจำเดือนมาไม่ตรง
ช่องคลอดแห้ง
รู้สึกร้อนวูบวาบ
หนาวสั่น
เหงื่อออกตอนนอนหลับ
อารมณ์แปรปรวน
น้ำหนักขึ้นและมีปัญหาการเผาผลาญลดลง
ผมบางและผิวแห้ง
หน้าอกหย่อนคล้อย
สัญญาณและอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นรวมทั้งประจำเดือนที่เริ่มมาไม่ตรงจะไม่แน่นอนแล้วแต่บุคคล อย่างไรก็ตามคุณจะพบอาการที่ระบุมาข้างต้นก่อนที่จะหมดประจำเดือน
อาการประจำเดือนขาดในช่วงวัยทองเป็นเรื่องที่พบได้เป็นปกติ โดยมากมักจะมาเดือนเว้นเดือนหรือหลายเดือนหลังจากนั้นก็จะกลับมาเป็นปกติสัก 2 – 3 เดือน นอกจากนี้ยังอาจพบอาการรอบเดือนมาติดกัน นอกจากรอบเดือนที่มาผิดปกติ ในช่วงนี้ผู้หญิงยังสามารถตั้งครรภ์ได้ด้วยฉะนั้นหากคุณพบว่ารอบเดือนขาด คุณควรพิจารณาตรวจการตั้งครรภ์ด้วย
เมื่อไหร่ที่ควรไปพบแพทย์
ในช่วงวัยนี้คุณควรพบแพทย์เพื่อตรวจเช็คในเชิงป้องกันอยู่เป็นประจำ ซึ่งกรณีนี้อาจรวมถึงการตรวจคัดกรองต่างๆ ด้วยเช่น ตรวจมะเร็งหรือไทรอยด์
นอกจากนี้หากคุณพบอาการเลือดออกแม้จะหมดประจำเดือนแล้วคุณควรจะพบแพทย์ทันที
การรักษาอาการวัยทอง
อาการวัยทองนั้นหลักๆแล้วคืออาการที่ระดับฮอร์โมนบางตัวลดต่ำลง ฉะนั้นการรักษาคือ การใช้ตัวยาทดแทนฮอร์โมนที่ขาด (hormone replacement therapy หรือ HRT)
hormone replacement therapy (HRT)
การรักษาอาการวัยทองนั้นเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าค่อนข้างมีความปลอดภัยสูงและได้ผลค่อนข้างดี ซึ่งแพทย์ผู้ทำการรักษาจะอธิบายแนวทางการรักษาและความเสี่ยงให้รับทราบก่อนเสมอ
HRT นั้นเป็นการเสริมฮอร์โมนเอสโตรเจนทดแทนในส่วนที่ร่างกายผลิตได้น้อยลงซึ่งเป็นสาเหตุของอาการวัยทอง
ซึ่งการใช้จะต้องมีการควบคุมปริมาณอย่างเคร่งครัดเพื่อไม่ให้เกิดผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์ และให้ได้ผลในการรักษาที่ดีที่สุด
ฮอร์โมนเอสโตรเจนที่นำมาใช้ก็จะมีหลายรูปแบบ เช่น
แผ่นแปะ
เจลหรือสเปรย์พ่นลงผิวหนัง
การฝัง
รับประทาน
ถ้าคุณมีมดลูก คุณอาจต้องการโปรเจสเตอโรนเพื่อปกป้องผนังมดลูกของคุณจากผลของเอสโตรเจนด้วย ซึ่งการใช้ ทั้ง เอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนจะเรียกว่า combine HRT
ซึ่งการใช้จะมาในรูปของ
แผ่นแปะที่มีเอสโตรเจนอยู่ด้วย
ห่วงใส่มดลูก(IUS)
รับประทาน
แต่ถ้าคุณมีความต้องการทางเพศที่ลดน้อยลงและการรักษาด้วย HRT ยังไม่สามารถช่วยได้คุณอาจจำเป็นต้องได้รับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนด้วย
ประโยชน์ของการรักษาด้วย HRT
HRT นั้นมีประโยชน์หลักคือลดอาการของวัยทอง ไม่ว่าจะเป็น ร้อนวูบวาบ, สมองล้า, ปวดข้อเข่า, อารมณ์แปรปรวน และมดลูกแห้ง
โดยอาการร้อนวูบวาบนั้นจะดีขึ้นภายใน 1 – 2 สัปดาห์หลังการรักษา ส่วนอาการอื่นๆเช่น อารมณ์แปรปรวนและมดลูกแห้งจะดีขึ้นหลังจากได้รับกการรักษาประมาณ 2 เดือน
นอกจากนั้นการได้รับ HRT ยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุนและโรคหัวใจได้อีกด้วย
การใช้Testosterone เพื่อแก้ปัญหาสมรรถภาพทางเพศ
ปกติการได้รับ HRT จะช่วยเรื่องสมรรถภาพทางเพศด้วย แต่หากพบว่าอาการนี้ยังไม่ดีขึ้น คุณอาจจำเป็นต้องได้รับ Testosterone เพิ่มซึ่งมักมาในรูปแบบเจลหรือครีมทา โดยการใช้จะช่วยในเรื่องของอารมณ์,ความต้องการทางเพศ และ ช่วยให้ไม่เหนื่อยง่าย
Testosterone นั้นถูกผลิตจากรังไข่และจะผลิตน้อยลงเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น โดยปกติแล้วมันจะไม่ถูกใช้ในผู้หญิง แต่หากแพทย์มีความเห็นว่ามันอาจช่วยแก้ปัญหาสมรรถภาพทางเพศได้ก็อาจพิจารณาให้ใช้เช่นกัน
อย่างไรก็ตามมีรายงานถึงผลข้างเคียงของการใช้ Testosterone ที่อาจทำให้มีขนเพิ่มและมีสิวเพิ่มขึ้น
การใช้ Oestrogen เพื่อแก้ปัญหามดลูกแห้ง
โดยปกติแล้วอาการวัยทองมักจะนำมาซึ่งปัญหามดลูกแห้งซึ่งทำให้เกิดอาการไม่สบายตัวและมีอาการคันร่วมด้วย
ซึ่งกรณีนี้แพทย์อาจสั่งจ่าย Oestrogen ชนิดสอดในช่องคลอด ซึ่งอาจอยู่ในรูป เม็ด,ครีม หรือห่วงสอดก็ได้ ซึ่งนี่จะลดอาการไม่สบายตัวหรือแสบเวลาปัสสาวะของผู้มีอาการวัยทองลงได้
Oestrogen ประเภทนี้จะไม่เข้าสู่กระแสเลือด แต่จะอยู่แค่ภายนอกเท่านั้น จึงค่อนข้างมีความปลอดภัยและมีผลข้างเคียงน้อย คุณสามารถใช้มันได้ตลอดชีวิตเพราะส่วนมากอาการจากวัยทองมักจะกลับมาเมื่อคุณหยุดใช้ Oestrogen
วิธีใช้ยาเพิ่มเติมสามารถศึกษาได้จากเว็บไซต์บริษัทผู้ผลิตตามลิงค์นี้นะคะhttps://www.besins-healthcare.co.th/Product#product_02
หากอ่านมาถึงตรงนี้แล้วสงสัยกดลิงค์เข้ามาคุยกันได้นะคะ
FB: https://www.facebook.com/rukyaphama8/
บทความโดย ภญ.ยุพเรศ ภัทรอนันต์พงศ์