ใครอยากรู้สาเหตุของมะเร็งตับ และวิธีป้องกันไม่ให้เป็นมะเร็งตับ รวมถึงอาการมะเร็งตับตั้งแต่ระยะแรก จนถึงมะเร็งตับระยะสุดท้าย และหากใครอยากรู้ว่ามะเร็งตับรักษาหายไหม หมอยาอยากเล่ามีคำตอบมาให้ค่ะ
มะเร็งตับ แบ่งออกเป็น 2 ชนิด
1.มะเร็งของเซลล์ตับ หมายถึง มะเร็งที่เกิดจากเซลล์ที่อยู่ในเนื้อตับ
2.มะเร็งของเซลล์ท่อน้ำดี หมายถึง มะเร็งที่เกิดจากเซลล์ที่บุภายในท่อน้ำดีส่วนที่อยู่ภายในตับ
เรามาเริ่มดูกันว่าสาเหตุของมะเร็งตับเกิดจากอะไร
1.มะเร็งของเซลล์ตับ มีสาเหตุมาจากเป็นโรคตับอักเสบชนิดบีและซี รวมทั้งตับแข็งมาก่อน และยังพบว่าสาเหตุที่สำคัญเกิดจากสารพิษที่มาจากเชื้อราบางขึ้นที่เรียกว่า สารอะฟลาท็อกซิน (aflatoxin) ซึ่งสารนี้มักจะขึ้นบนถั่วลิสง ข้าวโพด พริกแห้ง หัวหอม กระเทียม เป็นต้น
2.มะเร็งของเซลล์ท่อน้ำดี มีสาเหตุมาจากโรคพยาธิใบไม้ในตับ และเกิดจากสารไนโตรซามีน (nitrosamine) ซึ่งเป็นสารพิษที่พบได้จากพวกโปรตีนหมัก เช่น ปลาร้า ปลาส้ม หมูส้ม แหนม และ อาหารพวกเนื้อสัตว์ที่ผสมดินประสิว เช่นกุนเชียง ไส้กรอก เนื้อเค็ม ปลาเค็ม
ส่วนโรคพยาธิใบไม้ในตับ เกิดจาก การกินปลาตามหนองบึงแบบดิบๆ ไม่ผ่านความร้อนให้สุก ปลาเหล่านี้อาจจะมีพยาธิเข้าไป พยาธิก็จะเจริญเติบโตและอาศัยอยู่ที่ตับ ทำให้เกิดการอักเสบและความผิดปกติของตับ
อาการของมะเร็งตับ
มะเร็งตับระยะแรก จะมีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ท้องอืดคล้ายอาหารไม่ย่อย ต่อมาจะผอมลงอย่างเร็ว บาคนจะมีอาการหนาวสั่น
ระยะหลังจะมีอาการเจ็บที่ชายโครงขวา ตาเหลือง ตัวเหลือง ท้องมาน อาจจะมีอาการม้ามโต อาเจียนและถ่ายเป็นเลือด
ซึ่งหากเป็นโรคพยาธิใบไม้ตับอยู่และมีโรคมะเร็งของเซลล์ท่อน้ำดีแทรกซ้อน ผู้ป่วยจะมีอาการของมะเร็งตับระยะสุดท้ายได้ อาการมะเร็งตับระยะสุดท้าย เช่น อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว ดีซ่าน ท้องมาน
การรักษามะเร็งตับ
ถ้าหากมีอาการตามที่กล่าวมาแล้วสงสัยว่าเป็นมะเร็งตับหรือไม่ แนะนำให้ไปตรวจเลือดดูระดับของสารแอลฟาฟีโตโปรตีนในเลือด(alpha-fetoprotein) ,อัลตราซาวด์,เอกซเรย์คอมพิวเตอร์,ถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) ,สแกนตับ ,เจาะเนื้อตับไปพิสูจน์ (liver biopsy)
ถ้าหากตรวจแล้วว่าเป็นมะเร็งตับจริง โรคนี้ไม่มียารักษามักจะตายภายใน 6-12 เดือน นอกจากว่าจะตรวจพบมะเร็งในระยะแรกเริ่มอาจทำการผ่าตัดรักษาได้ แต่พบได้น้อยมากที่จะตรวจเจอในระยะแรก ดังนั้นการรักษาก็จะให้แค่ยาบรรเทาอาการปวด และรักษาตามอาการ
ดังนั้นหากเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งตับ เช่น ผู้ป่วยโรคตับแข็ง ผู้ป่วยตับอักเสบจากไวรัสบีและซีเรื้อรัง หรือผู้ที่เป็นพาหะไวรัสบีและซี แนะนำให้ตรวจหาสารแอลฟาฟีโตโปรตีน และอัลตราซาวด์ตับทุก 6 เดือน ซึ่งจะช่วยให้ตรวจภบมะเร็งระยะเริ่มแรกและให้การรักษาได้
วิธีป้องกันมะเร็งตับ
1.ไม่ดื่มเหล้า หากเป็นพาหะของเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบีหรือซีควรงดดื่มเหล้าเด็ดขาด
2.ไม่กินปลาน้ำจืดดิบ
3.เลี่ยงการกินอาหารที่มีสารอะฟลาท็อกซิน เช่น ถั่ว ข้าวโพด พริกแห้ง หัวหอม กระเทียมที่ขึ้นรา
4.ไม่กินอาหารที่มีสารไนโตรซามีน เช่น ปลาร้า ปลาส้ม แหนม หรือเนื้อสัตว์ที่ผสมดินประสิว เช่น กุนเชียง ไส้กรอก หากจะกินก็ควรทำให้สุกเพื่อทำลายสารนี้เสียก่อน
5.ฉีดวัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบจากไวรัสบีตั้งแต่แรกเกิด
หากอ่านมาถึงตรงนี้แล้วสงสัยกดลิงค์เข้ามาคุยกันได้นะคะ
สอบถามเพิ่มเติม Line@ : https://line.me/R/ti/p/%40mvi8178v
FB: https://www.facebook.com/rukyaphama8/
สามารถติดตามหมอยาอยากเล่าได้ทาง youtubehttps://www.youtube.com/channel/UCVFagi33TD86ZSaWsPUXwew
บทความโดย ภญ.ยุพเรศ ภัทรอนันต์พงศ์