เริม เกิดจากอะไร
เริม เกิดจาก เชื้อไวรัสที่ชื่อว่า เฮอร์ปีส์ซิมเพลกซ์ (herpes simplex virus ย่อว่า HSV) ไวรัสเริมมี 2 ชนิด
ชนิดที่ 1 (HSV-1) ส่วนใหญ่จะทำให้เกิดเริมที่ผิวหนัง และปาก
ชนิดที่ 2 (HSV-2) ส่วนใหญ่จะทำให้เกิดเริมที่อวัยวะเพศ
เริมติดต่อไหม
ตอบเลยว่า เริมเป็นโรคติดต่อนะคะ
เริมติดต่อกันยังไง
เริมจะติดต่อได้โดยการสัมผัสโดยตรง รวมถึงการจูบ การใช้แก้วน้ำ ช้อน ร่วมกันและการติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ด้วย ซึ่งเป็นต้นเหตุที่จะทำให้เป็นแผลที่อวัยวะเพศ เช่นแผลริมอ่อน
จะรู้ได้ยังไงว่าเป็นเริม?
เริมจะมีอาการ
1.แสบๆคันๆ หลังจากนั้นจะขึ้นเป็นตุ่มน้ำใสๆเกาะกันเป็นกลุ่ม รอบๆจะเป็นผื่นแดง
เนื่องจากตุ่มใสๆเกาะกันเป็นกลุ่ม จึงมีคนเรียกว่า ขยุ้มตีนหมา
บริเวณพบได้บ่อยๆ คือ ริมฝีปาก แก้ม จมูก หู ตา ก้น อวัยวะเพศ
2.อาจจะพบว่ามีต่อมน้ำเหลืองบริเวณใกล้เคียงโตและเจ็บด้วย
3.พอหายแล้ว เชื้อจะหลบไปอยู่ที่ปมประสาท และอาจจะกำเริบเป็นใหม่ เมื่อร่างกายอ่อนแอ เครียด พักผ่อนน้อย ระหว่างมีประจำเดือน หรือตั้งครรภ์
(ถ้าเกิดเริมในหญิงตั้งครรภ์ เชื้ออาจผ่านไปยังทารก ทำให้ทารกพิการตั้งแต่อยู่ในครรภ์ได้ ถ้าเกิดที่ช่องคลอดต้องผ่าคลอดออกเพื่อไม่ให้ทารกได้รับเขื้อทางช่องคลอด
ถ้าเกิดที่ปากมดลูก อาเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งปากมดลูก)
อาการอาจจะกำเริบได้ประมาณปีละ 3-4 ครั้ง
เรามาดูอาการเริมที่อวัยวะเพศมีอาการยังไง?
เริมที่อวัยวะเพศ จะเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์กับคนที่เป็นเริมมาก่อน
1.หลังจากรับเชื้อมา4-7วันจะแสบๆคันๆและขึ้นเป็นตุ่มใสๆเกาะกันเป็นกลุ่มที่อวัยวะเพศ ผู้ชายจะขึ้นที่หนังหุ้มปลายองคชาต ที่ตัวหรือที่ปลายองคชาต ส่วนผู้หญิงจะเกิดที่ปากช่องคลอด ในช่องคลอด หรือที่ปากมดลูก
2.หากไม่ได้ทานยาฆ่าเชื้อไวรัสจนทำให้ตุ่มแตกกลายเป็นแผลเล็กๆ หลายๆแผล คล้ายกับแผลถลอก และเจ็บ และมีโอาสติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนเกิดเป็นแผลติดเชื้อมีหนองได้ค่ะ
3.อาจจะเจอต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบ หรือ เรียกว่าไข่ดัน จะโตและเจ็บด้วย
เริมที่ปาก
1.มักจะมีตุ่มน้ำใส่เกาะกันเป็นกลุ่มขึ้นบริเวณผิวหนังใกล้ๆริมฝีปาก มุมปาก
2.มักจะขึ้นเวลามีประจำเดือน ภูมิคุ้มกันตก เครียด นอนน้อย บางคนถูกแดดก็ขึ้นนะคะ
3.บางคนอาจจะเป็นเริมในช่วงที่เป็นหวัด หรือมีการติดเชื้อทอนซิลอักเสบ
เริมในปาก มักจะพบในเด็กอายุ 1-5 ปี
1.อาการเป็นตุ่มน้ำเจ็บปวด และแตกเป็นแผลตื้น มีฝ้าขาว หรือเลือดแห้งกรัง
2.มักจะขึ้นตรงกระพุ้งแก้ม เหงือก แพดานปาก ลิ้น เด็กบางคนเป็นมากจนกินอาหารไม่ได้
เริมที่ตา อาจทำให้กระจกตาอักเสบถึงกับทำให้สายตาพิการได้
เริม รักษายังไง กินยาอะไรถึงจะหาย
1.รักษาตามอาการ เช่นมีไข้ ให้กินยาลดไข้
2.ถ้าเป็นเริมในช่องปาก เด็กให้บ้วนด้วยน้ำเกลือบ่อยๆ และใช้กลีเซอรีนบอแรกซ์ทา ถ้ามีไข้ก็ใช้ยาลดไข้
3.ยารักษาเริม
สำหรับผู้ใหญ่
เริมที่อวัยวะเพศ
1.กรณีเป็นครั้งแรก ให้ทาน ยาacyclovir 200mg ครั้งละ 1 เม็ด ทุก 4 ชั่วโมงวันละ 5 ครั้ง (ยกเว้นเวลานอน) ต่อเนื่องกัน 10 วัน หรือ ทาน acyclovir 400mg ครั้งละ 1 เม็ด เช้า บ่าย ก่อนนอน ต่อเนื่องกัน 10 วัน
2.กรณีเป็นซ้ำ ให้ทาน acyclovir 200 mg ครั้งละ 1 เม็ด ทุก 4 ชั่วโมงวันละ 5 ครั้ง (ยกเว้นเวลานอน) ต่อเนื่องกัน 5 วัน หรือ ทาน acyclovir 400mg ครั้งละ 1 เม็ด เช้า บ่าย ก่อนนอน ต่อเนื่องกัน 5 วัน
เริมที่ปาก
1.กรณีเป็นครั้งแรกและเป็นซ้ำให้ทาน ยาacyclovir 200mg ครั้งละ 1 เม็ด ทุก 4 ชั่วโมงวันละ 5 ครั้ง (ยกเว้นเวลานอน) ต่อเนื่องกัน 5 วัน หรือ ทาน acyclovir 400mg ครั้งละ 1 เม็ด เช้า บ่าย ก่อนนอน ต่อเนื่องกัน 5 วัน
2.กรณีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ให้ทาน acyclovir 400mg ครั้งละ 1 เม็ด ทุก 4 ชั่วโมง (ยกเว้นเวลานอน) วันละ 5 ครั้ง ต่อเนื่องกัน 5 วัน
สำหรับเด็ก
ยาสำหรับรักษาและป้องกัน
เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี ให้ทานยาขนาดครึ่งหนึ่งของผู้ใหญ่
เด็กอายุ 2 ปีขึ้นไป ให้ทานขยาดยาเท่ากับของผู้ใหญ่
ส่วนยาทา acyclovir cream 5% ให้ทาที่ ผลเริมทุก 4 ชั่วโมง นาน 5-10 วัน อาจทำให้ผื่นหายเร็ว แต่ว่าสู้การกินยาไม่ได้ และห้ามทายาสเตียรอยด์เด็ดขาด เพราะจะทำให้แผลลุกลามหรือติดเชื้อแทรกซ้อนได้
แนะนำเพิ่มเติม
หากผู้ที่เป็นแผลเริมเรื้อรังเกิน 1 เดือน หรือโรคเริมกำเริบถี่มาก ควรตรวจเลือดหาเชื้อ HIVเพราะอาจพบว่าเป็นเอดส์
หากอ่านมาถึงตรงนี้แล้วสงสัยกดลิงค์เข้ามาคุยกันได้นะคะ
FB: https://www.facebook.com/rukyaphama8/
บทความโดย ภญ.ยุพเรศ ภัทรอนันต์พงศ์