หลังจากที่เรามั่นใจแล้วว่าเรามีอาการกรดไหลย้อน และอยากเริ่มที่จะรักษา ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมากนะคะ เพราะถ้ารักษาเร็วก็จะหายเร็วนะคะ อย่าปล่อยให้เป็นเรื้อรังจนกรดไหลย้อนอาจจะเป็นสาเหตุของมะเร็งหลอดอาหารได้นะคะ
เริ่มดูการรักษากันเลยนะคะ และโบว์ขอแบ่งการรักษาเป็น 2 ส่วนนะคะ
ส่วนแรกคือการรักษาแบบไม่ใช้ยา นั่นคือการรักษากรดไหลย้อนโดยการปรับพฤติกรรมนั่นเอง
1.ห้ามทานชา กาแฟ น้ำอัดลม โกโก้ เหล้า เบียร์ ไวน์
2.ทานอาหารให้เป็นเวลา
3.ทานแล้วไม่เอนตัวนอนเลย ให้นั่งตัวตรงอย่างน้อย 3 ชั่วโมง
4.ไม่ใส่เสื้อผ้ารัดแน่นเกินไป
5.แนะนำให้นอนตะแคงซ้ายเนื่องจากรูปร่างของกระเพาะอาหารฝั่งซ้ายและขวาต่างกันการนอนตะแคงซ้ายโอกาสกรดที่จะไหลย้อนขึ้นมาน้อยกว่า
6.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ส่วนที่ 2 คือการรักษากรดไหลย้อนโดยการใช้ยา
1. ยาลดกรด กลุ่ม PPIs เช่นตัวยา Omeprazole ,Lansoprazole,Rabeprazole,Esomeprazole
ตัวยากลุ่มนี้แนะนำให้รับประทานก่อนอาหารเช้าครึ่งถึง 1 ชั่วโมง เนื่องจากยาจะดูดซึมที่ทางเดินอาหารส่วนต้นแล้วจับตัวกับไฮโดรเจนเพื่อไปหยุดยั้งการหลั่งกรด โดยที่กินนานต่อเนื่อง 8 สัปดาห์ แต่หากว่าการรักษายังไม่ดีแนะนำให้ทานวันละ 2 ครั้งคือก่อนอาหารเช้า และเย็น
2. ยาลดอัตราการคลายตัวของหูรูด เนื่องจากกรดไหลย้อนมีการคลายตัวของหลอดอาหารส่วนล่างโดยที่เราไม่ได้กลืน ซึ่งยาตัวนี้จะเข้าไปลดจำนวนครั้งของการคลายตัว
เช่น ยาบาโคลเฟน แต่ยาตัวนี้ประสิทธิภาพไม่ดีเท่ายาในกลุ่ม PPIs
3. ยากระตุ้นการบีบตัวของหลอดอาหาร ปรับการทำงานของลำไส้ ช่วยกระตุ้นให้หลอดอาหารบีบตัวได้ดีขึ้น
เช่น Domperidone แต่ domperidone อาตตะมีโอกาสที่ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ
,Metoclopramide,Itopride ,Mosapride
- ยาที่สร้างเมือกเคลือบกระเพาะ เช่นตัวยา sucrafate
- ยากลุ่มระงับอาการ เช่น ยากลุ่มแอลจิเนต หรือ Algycon เหมาะกับผู้ที่มีอาการไม่บ่อย ออกฤทธิ์เร็ว และปลอดภัยในคนท้อง
6.ยารักษาอาการซึมเศร้า ยากลุ่มนี้จะใช้ในผู้ที่มีอาการกรดไหลย้อน แต่ไม่มีกรดไหลย้อนขึ้นมาในหลอดอาหาร แต่จะใช้ในกลุ่มที่มีประสาทรับความรู้สึกไวเกิน คือมีกรดเพียงเล็กน้อยไหลเข้าไปในหลอดอาหารก็ทำให้กรดไหลย้อนได้ ซึ่งจะส่วนใหญ่จะเกิดจากความเครียด ยานี้ช่วยให้ผู้ป่วยรับรู้ถึงกรดช้าลง
7.สมุนไพรรักษากรดไหลย้อน เช่น ขมิ้นชัน,กล้วยดิบ
หากอ่านมาถึงตรงนี้แล้วสงสัยกดลิงค์เข้ามาคุยกันได้นะคะ
FB: https://www.facebook.com/rukyaphama8/
บทความโดย ภญ.ยุพเรศ ภัทรอนันต์พงศ์