fbpx
Monday, 3 February 2025

ยาคุมฉุกเฉินกินตอนไหน ยาคุมกำเนิด 1 เม็ด ตอบทุกข้อสงสัย

14 Oct 2020
34680

รวมคำถามที่อยากรู้เกี่ยวกับยาคุมฉุกเฉิน ตอบทุกข้อสงสัยที่มีคนถามเยอะในร้านขายยาและในช่องหมอยาอยากเล่าของเรา ใครอยากรู้ตามอ่านได้เลยค่ะ

เริ่มแรกเราขอเกริ่นเกี่ยวกับยาคุมฉุกเฉินก่อนนะคะ

ยาคุมฉุกเฉินมีกลไกในการทำงานยังไงที่จะป้องกันการตั้งครรภ์ได้

1.ทำให้เยื่อบุปากมดลูกหนาตัวขึ้น ซึ่งจะทำให้อสุจิไม่สามารถเคลื่อนผ่านเข้าไปในมดลูก และยับยั้งการอยู่รอดของอสุจิ

2.ยับยั้งการตกไข่โดย negative feedback ที่ไฮโปธาลามัส ส่งผลลดการหลั่ง Follicle stimulating hormone (FSH) และ Luteinizing hormone (LH)

3.ยับยั้งการฝังตัวของไข่ที่ได้รับการปฏิสนธิแล้ว แต่ๆๆๆ หากมีการฝังตัวของไข่ที่มีการปฏิสนธิแล้ว ยาคุมฉุกเฉินจะช่วยไม่ได้นะคะ ยังไงก็ตั้งครรภ์นะคะ

เราจะใช้ยาคุมฉุกเฉินในกรณีไหนบ้าง ยาคุมฉุกเฉินทำมาเพื่ออะไร?

1.ป้องกันการตั้งครรภ์ในกรณีถูกข่มขืน

2.คุมกำเนิดปกติแล้วแต่เกิดผิดพลาด เช่น ถุงยางอนามัยแตก นับระยะปลอดภัยผิด ห่วงอนามัยหลุด ลืมฉีดยาคุมกำเนิด หรือลืมกินยาคุมกำเนิดเกิน 3 วัน

ยาคุมฉุกเฉินที่มีขายในประเทศไทยตอนนี้ใช้ตัวยาอะไร

ยาคุมฉุกเฉินที่มีขายนบ้านเราตอนนี้จะใช้ตัวยา Levonorgestrel 7.5 mg  กล่องละ 2 เม็ด และ Levonorgestrel 15 mg กล่องละ 1 เม็ด

วิธีการกินยาคุมฉุกเฉินที่ถูกต้อง

1.ยาคุมฉุกเฉินควรกินยาคุมฉุกเฉิน 1 เม็ด ควรทาน 1เม็ด หลังมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันไม่เกิน 72 ชั่วโมง หรือยิ่งเร็วที่สุดยิ่งดีค่ะ

2.หากเป็นยาคุมฉุกเฉินแบบ 2 เม็ด ควรทานเม็ดแรกหลังจากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันไม่เกิน 72 ชั่วโมง หรือยิ่งเร็วที่สุดยิ่งดี และหลังจากที่ทานเม็ดแรกไปแล้วอีก 12 ชั่วโมง ให้ทานอีก 1 เม็ด

ที่สำคัญหากมีอาเจียนออกมาหลังจากทานยาไม่เกิน 2 ชั่วโมง ควรทานยาอีกครั้ง

ยาคุมฉุกเฉินแนะนำว่าทานไม่เกินเดือนละ 2 ครั้งนะคะ

และหากว่ามีคำถามกินยาคุมฉุกเฉินเกินเดือนละ 2 ครั้งเป็นอะไรรึป่าวคะ ต้องขอตอบว่าหากเป็นกรณีฉุกเฉินจริงๆ ก็จำเป็นต้องกินนะคะ ป้องกันได้ไม่ 100% แต่ดีกว่าไม่ทำอะไรเลยนะคะ แต่ผลข้างเคียงเกี่ยวกับมดลูกทำให้มีโอกาสท้องนอกมดลูกได้นะคะลองอ่านต่อนะคะ ด้านล่างมีคำตอบเพิ่มเติมนะคะว่ากินยาคุมฉุกเฉินบ่อยเป็นอะไรรึป่าว

ใครบ้างที่ห้ามใช้ยาคุมฉุกเฉิน

1.คนที่มีการคุมกำเนิดแบบปกติอยู่แล้ว

2.คนที่มีเลือดออกในช่องคลอด

3.ผู้ที่ตั้งครรภ์

สิ่งที่ต้องรู้ก่อนที่จะกินยาคุมฉุกเฉิน

1.หลังกินยาคุมฉุกเฉิน บางคนจะมีเลือดออกกระปริบกระปรอย 2-3 วัน

2.หากประจำเดือนมาช้ากว่าปกติเกิน 7 วัน อาจต้องตรวจตั้งครรภ์

3.หากกินยาคุมฉุกเฉินและมีการตั้งครรภ์ควรต้องระวังการตั้งครรภ์นอกมดลูก หรือหากมีอาการปวดบริเวณช่องท้องด้านหลังจากการใช้ยาคุมฉุกเฉินก็ควรจะต้องตรวจ

4.ยาคุมฉุกเฉินไม่สามารถป้องกันการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้

5.ยาคุมฉุกเฉินไม่สามารถใช้ในการทำแท้งได้นะคะ

หลังจากกินยาคุมฉุกเฉินอาจจะมีอาการไม่พึงประสงค์ เช่น อ่อนเพลีย ปวดหัว มึนงง ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ประจำเดือนมาผิดปกติหรือว่าประจำเดือนมาช้ากว่าปกติ ปวดเชิงกราน เจ็บคัดเต้านม

เกริ่นมาซะยาวเชียวเรามาเริ่มคำถามเลยนะคะ

ถาม :ยาคุมฉุกเฉินกินตอนไหน

ตอบ :กินให้เร็วที่สุดหลังมีเพศสัมพันธ์ค่ะ ช้าสุดได้ไม่เกิน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์นะคะ

ถาม :หนูเพิ่งกินยาคุมฉุกเฉินไปสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้กี่ครั้งคะ

ตอบ :ยาคุมฉุกเฉินไม่สามารถกินก่อนมีเพศสัมพันธ์เพื่อป้องกันได้นะคะ เพราะฉะนั้นตอบว่าไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยแล้วปลอดภัยนะคะ

ถาม : หากป้องกันโดยใส่ถุงยางอนามัยแต่ถุงยางแตก กินยาคุมฉุกเฉินไปแล้ว แต่ถุงยางแตกอีก เป็นแบบนี้ติดต่อกัน 3 วัน หนูสามารถกินยาคุมฉุกเฉินได้รึป่าวคะ

ตอบ :ทานได้ค่ะ และแนะนำว่าต้องทานเพราะถึงแม้ประสิทธิภาพจะไม่ 100% แต่ก็ยังดีกว่าไม่ป้องกันเลย แต่เภสัชแนะนำนะคะว่าต้องเช็คด้วยนะคะว่าทำไมถุงยางถึงแตกบ่อย ลองอ่านบทความเพิ่มเติม ถุงยางแตกทำไงดี เลือกขนาดถุงยางยังไง

ถาม :กินยาคุมฉุกเฉินบ่อยๆเป็นอะไรรึป่าว

ตอบ :กินยาคุมฉุกเฉินปกติห้ามทานเกินเดือนละ 2 ครั้ง และก็ไม่แนะนำให้ทานบ่อย เพราะว่าจะทำให้ผนังมดลูกบาง และประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดก็จะลดลงเรื่อยๆนะคะ

ถาม :หลั่งนอกต้องกินยาคุมฉุกเฉินรึป่าว

ตอบ :ถ้ามั่นใจว่าหลั่งนอกแน่ๆก็ไม่ต้องทานยาคุมฉุกเฉินค่ะ

ถาม :ยาคุมฉุกเฉินแบบ 2 เม็ดกิน 2 เม็ด พร้อมกันได้หรือไม่

ตอบ : ได้ค่ะ

ถาม :ยาคุมฉุกเฉิน 1 เม็ด หรือ 2 เม็ด แบบไหนดีกว่ากัน

ตอบ : ขอตอบเป็นคลิปนี้นะคะhttps://www.youtube.com/watch?v=6VbwlDB6FQ8&t=20s

ถาม :ยาคุมกำเนิดกินบ่อยเป็นอะไรไหม หลังจากกินยาคุมฉุกเฉินประจำเดือนจะมาตอนไหน

ตอบ :ขอตอบเป็นคลิปนี้นะคะ https://www.youtube.com/watch?v=afkuK8i1Plo&t=13s

หากอ่านมาถึงตรงนี้แล้วสงสัยกดลิงค์เข้ามาคุยกันได้นะคะ

FB: https://www.facebook.com/rukyaphama8/

บทความโดย ภญ.ยุพเรศ  ภัทรอนันต์พงศ์

ติดต่อได้เลยค่ะ