fbpx
Monday, 25 November 2024

9 อาหาร ต้านโรคซึมเศร้า

โรคซึมเศร้านั้นเป็นปัญหาสำคัญที่พบมากในปัจจุบัน โดยโรคซึมเศร้านอกจากต้องได้รับยาเพื่อการรักษาแล้วเรายังสามารถใช้อาหารที่เหมาะสมเพื่อเสริมการรักษาให้ดียิ่งขึ้นได้ด้วยค่ะ อยากรู้ว่ามีอะไรบ้างลองดูตามนี้เลย

1 – บลูเบอร์รี่

บลูเบอร์รี่มีคุณสมบัติสำคัญในการต้านอนุมูลอิสระและยังสามารถช่วยลดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นซึ่งทำให้เกิดอาการเครียดอันเป็นปัญหาสำคัญของโรคนี้ พวกมันยังช่วยในการสร้างเซลล์ร่างกายใหม่ๆซึ่งเป็นทางหนึ่งในการรักษาโรคด้วย

2– กล้วย

อุดมไปด้วยสารทริปโตเฟนซึ่งจะถูกแปลงเป็น 5-HTP โดยสมอง จากนั้นจึงถูกเปลี่ยนเป็นสารสื่อประสาทเชิงบวก เช่น เซโรโทนินและเมลาโทนิน ซึ่งมีฤทธิ์ในการลดความตึงเครียด

3– อัลมอนด์

อัลมอนด์เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยแมกนีเซียมซึ่งแมกนีเซียมได้รับการวิจัยในปี 1968 ว่าสามารถลดอาการหงุดหงิดและอาการซึมเศร้าได้ ฉะนั้นคุณจึงควรทานอัลมอนด์ประมาณ 1 กำมือทุกวัน

4 – อะโวคาโด

อะโวคาโดมีโพแทสเซียมสูงถึง 485 มก./100 กรัมและแร่ธาตุนี้ได้รับการยืนยันว่าสามารถใช้ในการอาการเครียดและภาวะซึมเศร้าได้ ดังนั้นคุณควรพยายามกินอะโวคาโดให้ได้ทุกวันอย่างน้อยวันละ 1 ลูก

5 – หน่อไม้ฝรั่ง

หน่อไม้ฝรั่งอุดมไปด้วยกรดโฟลิกและวิตามินบีซึ่งมีส่วนช่วยในการแปลงทริปโตเฟนเป็นเมลาโทนิน ซึ่งเป็นสารที่ทำให้ร่างกายผ่อนคลายลดตึงเครียด

6 – ช็อคโกแลต

ช็อกโกแลตหรือโกโก้นั้นช่วยเพิ่มระดับของสารเซโรโทนินและโดปามีนในสมองซึ่งทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย ขณะเดียวกันยังช่วยลดระดับคอร์ติซอลซึ่งเป็นสารสื่อประสาท ที่ทำให้เกิดความเครียด พยายามทานให้ได้ประมาณวันละ 40 กรัมต่อวัน

7 – ผักโขม

ผักโขมมีโฟลิกมากกว่าผักใบเขียวชนืดอื่น ๆ และคนที่เป็นโรคซึมเศร้ามักจะขาดมัน นอกจากนี้กรดโฟลิกยังมีส่วนช่วยเพิ่มระดับโดปามีนและเซโรโทนินในสมอง แถมยังอุดมไปด้วยแมกนีเซียมซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพของยากล่อมประสาทอีกด้วย

8 – ปลาแซลมอน

ปลาแซลมอนอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งทำให้เยื่อหุ้มเซลล์นุ่มลงและมีส่วนในการทำให้เซโรโทนินส่งไปถึงสมองได้ดีขึ้น ซึ่งถ้ามีการใช้ยาลดความเครียดก็จะสามารถช่วยให้ยาออกฤทธิ์ได้ดีในขณะที่ลดผลข้างเคียงลงได้ด้วย

9 – ชาเขียว

ชาเขียวถูกใช้ในการรักษาอาการซึมเศร้ามานานนับพันปีแล้ว มันมีสารโพลีฟีนอลซึ่งมีส่วนช่วยเพิ่มปริมาณโดปามีนในสมองและเพิ่มประสิทธิภาพของอินซูลินซึ่งทำให้ปริมาณน้ำตาลกลูโคสในกระแสเลือดสม่ำเสมอลดอาการอ่อนล้าของสมองลง

หากอ่านมาถึงตรงนี้แล้วสงสัยกดลิงค์เข้ามาคุยกันได้นะคะ

FB: https://www.facebook.com/rukyaphama8/

บทความโดย ภญ.ยุพเรศ  ภัทรอนันต์พงศ์

เลขใบประกอบวิชาชีพ ภ.24887

ติดต่อได้เลยค่ะ