ข้อมูลทุเรียนสำคัญที่คุณต้องรู้ ก่อนเลือกสายพันธุ์ต่างๆมารับประทาน รวมถึงข้อมูลทางสุขภาพสำคัญๆ ที่มักมีการปล่อยให้เข้าใจกันแบบผิดๆ
- กินทุเรียนแล้วทำให้อ้วน
ทุเรียน 1 กิโลกรัมจะให้แคลอรี่เกือบ 1,350 cal ซึ่งคิดเป็นปริมาณ 68 เปอร์เซ็นต์ของความต้องการพลังงานในแต่ละวันของผู้ใหญ่โดยทั่วๆไป ฉะนั้นเรื่องนี้จึงจริงและไม่จริงแต่อยู่ที่ปริมาณที่เรากินมากกว่าค่ะ
- ทุเรียนอุดมไปด้วยสารอาหารต่างๆ
ทุเรียนนั้นอุดมไปด้วยธาตุโปแตสเซียม,ใยอาหาร, วิตามินซีและวิตามินบี ราชาแห่งผลไม้จึงเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งกับทุเรียน เพราะสารอาหารต่างๆเหล่านี้ล้วนมีส่วนช่วยในการสร้างและสนับสนุนเซลล์เม็ดเลือดแดงและเม็เลือดขาวให้ทำงานได้ดีขึ้นเป็นอย่างมาก
- ผู้ป่วยโรคเบาหวานกินทุเรียนไม่ได้
ทุเรียนมีปริมาณน้ำตาลที่สูงมากและยังเป็นน้ำตาลที่ดูดซึมง่ายอีกด้วย จึงสามารถทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดของคุณเพิ่มสูงขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ฉะนั้นคนเป็นโรคเบาหวานจึงมีความจำเป็นที่จะต้องหลีกเลี่ยงการรับประทานทุเรียน
- ทุเรียนช่วยเติมพลังงานอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากทุเรียนเป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตระดับสูง จึงเหมาะมากในการเติมพลังงานให้กลับมาได้อย่างรวดเร็วสำหรับคนสุขภาพดี และปริมาณโปแตสเซียมที่สูงในทุเรียนยังช่วยในการลดความเหนื่อยล้าและบรรเทาความเครียดและวิตกกังวลได้ดีอีกด้วย
- ทุเรียนอุดมไปด้วยโคเลสเตอรอล
เรื่องนี้ไม่จริงทุเรียนมีคอเลสเตอรอลเป็นศูนย์ คอเลสเตอรอลจะพบมากในสัตว์เนื้อแดงอาหารทะเลและผลิตภัณฑ์นมต่างๆ นอกจากนี้ทุเรียนยังมีไขมันไม่อิ่มตัวที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดของคุณอีกด้วย
6 ต้องทานมังคุดกับทุเรียนเพื่อลดความร้อน
ไม่มีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่นี่เป็นความเชื่อตามภูมิปัญญาดั้งเดิมของท้องถิ่นซึ่งก็ไม่ได้ผิดอะไรสามารถที่จะทานด้วยกันได้ไม่มีปัญหาใดๆ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยลดความร้อนของการกินทุเรียนแต่อย่างใดเช่นกัน
- การกินทุเรียนและดื่มเบียร์พร้อมกันมีอันตรายถึงชีวิต
ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่มีแนวโน้มว่าการทานด้วยกันอาจจะทำให้มีอาการท้องอืดและอาหารไม่ย่อยเนื่องจากตับของคุณจะต้องทำงานหนักกว่าปกติเพื่อเผาผลาญทั้งไขมันและน้ำตาลในทุเรียนรวมถึงแอลกอฮอล์จากเบียร์อีกด้วย
- การทานทุเรียนช่วยเพิ่มสมรรถนะทางเพศ
เรื่องนี้ก็เช่นกันไม่มีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในๆสนับสนุน แต่ปริมาณน้ำตาลในทุเรียนอาจทำให้อุณหภูมิร่างกายของ
หากอ่านมาถึงตรงนี้แล้วสงสัยกดลิงค์เข้ามาคุยกันได้นะคะ
FB: https://www.facebook.com/rukyaphama8/
บทความโดย ภญ.ยุพเรศ ภัทรอนันต์พงศ์